ทำความรู้จัก กับ ”รูปแบบการเกิด Cavitation”

ภายใน Control Valve ฉบับเข้าใจง่ายแบบกระชับกันเลยดีกว่าครับ

รูปแบบการเกิด Cavitation ของ Control Valve

1.เริ่มจากการไหลของของเหลว ผ่านลิ้นวาล์ว
เมื่อของเหลวทำการไหลผ่านลิ้นวาล์ว จะมีความเร็วที่เพิ่มขึ้น และ มีการเร่งของของเหลวที่ตำแหน่งลิ้นวาล์ว คล้ายกับการเร่งผ่านจุด ที่เรียกว่า วีนาคอนแทคตา (vena contracta) เป็นจุดที่เร็วที่สุดของการไหล

2.การเกิดจุดวีนาคอนแทคตา (vena contracta)
ความเร็วของของเหลวจะสูงที่สุด และความดันจะลดลงในระดับต่ำที่สุด หากความดันลดลงต่ำกว่าค่า Vapor Pressure นั้น ฟองอากาศจะเริ่มก่อตัวขึ้น เรียกว่า (Bubbles Form)

3.การเกิดฟองอากาศ
ฟองอากาศจะเกิดขึ้นเมื่อความดันของของเหลวลดลงต่ำกว่าค่า Vapor Pressure ของของเหลวนั้น ฟองอากาศจะเริ่มเป็นจุดนำในการเกิด Cavitation

4.การกระจายตัวของฟองอากาศ
ฟองอากาศจะกระจายตัวที่ขาออกของวาล์ว ทำให้เกิดไอพ่นขนาดเล็ก (Micro-Jet) ของของเหลวที่มีความเร็วสูง

5.เกิดความเสียหาย
ความเสียหายจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อไอพ่นความเร็วสูง มักกระทบต่อวาล์วรวมถึงลิ้นวาล์ว

6.ปรากฏการณ์ Cavitation
อาจเหมือนกับ "การไหลของกระแสในท่อ" โดยฟองอากาศที่เกิดจะสร้างความเสียหายต่อชิ้นงานและระบบในรูปแบบของการรูพรุน (Pitting)

ปัจจุบันในกลุ่มอุตสาหกรรมวาล์วควบคุม นิยมใช้แบบ Cavitation Control ซึ่งมีทั้งแบบ Single stage และ Multi stage ช่วยให้สามารถลดความดันได้เป็นขั้นๆ ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดฟองอากาศภายในวาล์วได้ เนื่องจากมีช่องว่างหลายชั้นทำให้ความดันลดลงอย่างค่อยๆ ช่วยป้องกันไม่ให้ความดันที่จุดต่ำสุดลดลงต่ำกว่าความดันไอของของเหลว (Vapor Pressure) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการเกิด Cavitation และช่วยให้วาล์วมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นโดยไม่ต้องเสียหายจาก Cavitation อีกด้วย

หากต้องการใช้เราเข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ : https://bio.link/osavalvethailand
หรือ Email : Service@osathailnd.com
Tel : 03-801-7453